วันศุกร์ที่ 24 กรกฎาคม พ.ศ. 2552

ลักษณะของพลับพลาดาวิด
พลับพลาดาวิด เป็นชื่อที่ใช้กับเต็นท์ที่กษัตริย์ดาวิดขึงออกคลุมหีบพระโอวาทไว้บนภูเขาศิโยนในกรุงเยรูซาเล็ม เป็นศูนย์กลางการนมัสการในรูปแบบใหม่ที่เต็มไปด้วยความชื่นชมยินดี เป็นสิ่งที่แตกต่างไปจากการนมัสการที่พลับพลาของโมเสสซึ่งเต็มไปด้วยความเคร่งครึม และแทนที่จะถวายเครื่องบูชาด้วยสัตว์ พลับพลาดาวิดถวายเครื่องบูชาด้วยการสรรเสริญ ความชื่นชมยินดีและการโมทนาพระคุณ สดด.95:2 ให้เราทั้งหลายเข้ามาอยู่เฉพาะเบื้องพระพักตร์ด้วยโมทนา ให้เรากระทำเสียงชื่นบานถวายพระองค์ด้วยบทเพลงสรรเสริญ สดด.100:4 จงเข้าประตูของพระองค์ด้วยการโมทนา และเข้าบริเวณพระนิเวศของพระองค์ด้วยการสรรเสริญ จงถวายโมทนาขอบพระคุณพระองค์ จงถวายสาธุการแด่พระนามของพระองค์ สดด.141:2 ขอให้คำอธิษฐานของข้าพระองค์เป็นดังเครื่องหอมต่อพระพักตร์พระองค์ และที่ข้าพระองค์ยกมือขึ้นอธิษฐานเป็นดังเครื่องสัตวบูชาเวลาเย็น พลับพลาดาวิดเป็นรูปแบบการนมัสการของคริสตจักรในปัจจุบัน และพระเยซูคริสต์ทรงถวายพระองค์เองเป็นเครื่องบูชาในระบบพันธสัญญาเดิมเรียบร้อยแล้ว โดยความตายที่ไม้กางเขน ฮบ.1:3 พระบุตรทรงเป็นแสงสะท้อนพระสิริของพระเจ้า และทรงมีสภาวะเป็นพิมพ์เดียวกันกับพระองค์ และทรงผดุงโลกไว้ด้วยพระดำรัสอันทรงฤทธิ์ของพระองค์ เมื่อพระองค์ได้ทรงชำระบาปแล้ว ก็ได้ประทับ ณเบื้องขวาของพระเจ้าเบื้องบน ฮบ.7:27 พระองค์ไม่ต้องทรงนำเครื่องบูชามาทุกวันๆดังเช่นมหาปุโรหิตอื่นๆผู้ซึ่งตอนแรกถวายสำหรับความผิดของตัวเอง แล้วจึงถวายสำหรับความผิดของประชาชน ส่วนพระเยซูได้ทรงถวายเครื่องบูชาเพียงครั้งเดียว คือเมื่อพระองค์ได้ทรงถวายพระองค์เองต่อพระเจ้า ฮบ.9:12 พระองค์เสด็จเข้าไปในวิสุทธิสถานเพียงครั้งเดียวเท่านั้น และพระองค์ไม่ได้ทรงนำเลือดแพะและเลือดลูกวัวเข้าไป แต่ทรงนำพระโลหิตของพระองค์เองเข้าไป และทรงสำเร็จการไถ่บาปชั่วนิรันดร์ ฮบ.9:24-28 24 เพราะว่าพระคริสต์ไม่ได้เสด็จเข้าในสถานศักดิ์สิทธิ์ซึ่งสร้างขึ้นด้วยมือมนุษย์ อันเป็นแบบจำลองจากของจริง แต่พระองค์ได้เสด็จไปสวรรค์นั้น เพื่อเข้าเฝ้าพระเจ้าเพื่อเราทั้งหลาย 25 พระองค์ไม่ต้องทรงถวายพระองค์เองซ้ำอีก ไม่เหมือนมหาปุโรหิตที่เข้าไปในวิสุทธิสถานทุกปี และนำเอาเลือดซึ่งไม่ใช่โลหิตของตัวเองเข้าไปด้วย 26 เพราะถาเป็นเช่นนั้น พระองค์คงจะต้องทรงทนทุกข์ทรมานหลายครั้ง นับตั้งแต่สร้างโลกมา แต่ความจริง พระองค์ทรงปรากฏเพียงครั้งเดียวเท่านั้นในปลายยุค เพื่อกำจัดบาปให้หมดสิ้นไป โดยการถวายพระองค์เองเป็นเครื่องบูชา 27 มีข้อกำหนดสำหรับมนุษย์ไว้แล้วว่าจะตายครั้งเดียว และหลังจากนั้นก็จะมีการพิพากษาฉันใด 28 พระคริสต์ก็ฉันนั้น คือพระองค์ทรงถวายพระองค์เองเป็นเครื่องบูชาครั้งเดียว เพื่อจะได้ทรงแบกบาปของคนเป็นอันมากไว้ พระองค์จะทรงปรากฏเป็นครั้งที่สอง มิใช่เพื่อกำจัดบาป แต่เพื่อช่วยบรรดาผู้ที่รอคอยพระองค์ด้วยใจจดจ่อให้ได้รับความรอด
การถวายเครื่องบูชาของคริสตจักรในพันธสัญญาใหม่โดยปุโรหิต (คริสเตียน) ถวายคำสรรเสริญเป็นเครื่องบูชา ฮบ.13:15 เหตุฉะนั้น ให้เราถวายคำสรรเสริญเป็นเครื่องบูชาแด่พระเจ้าตลอดไป โดยทางพระองค์นั้น คือคำกล่าวยอมรับเชื่อพระนามของพระองค์ 1 ปต.2:9 แต่ท่านทั้งหลายเป็นชาติที่พระองค์ทรงเลือกไว้แล้ว เป็นพวกปุโรหิตหลวง เป็นประชาชาติบริสุทธิ์ เป็นชนชาติของพระเจ้าโดยเฉพาะ เพื่อให้ท่านทั้งหลายประกาศพระบารมีของพระองค์ ผู้ได้ทรงเรียกท่านทั้งหลายให้ออกมาจากความมืด เข้าไปสู่ความสว่างอันมหัศจรรย์ของพระองค์ พลับพลาดาวิดเจาะจงไปที่พระเยซูคริสต์ ทรงมีสิทธิอำนาจสูงสุดที่จะรับคำสรรเสริญผ่านคริสตจักรของพระองค์ พระเยซูคริสต์ทรงเป็นกษัตริย์ เป็นปุโรหิตหลวงและเป็นผู้รับการเจิมของพระเจ้า วว.1:6 และทรงตั้งเราไว้ ให้เป็นอาณาจักรและเป็นปุโรหิตของพระเจ้าพระบิดาของพระองค์ พระเกียรติและไอศวรรย์จงมีแด่พระองค์สืบๆ ไปเป็นนิตย์ อาเมน วว.5:10 พระองค์ได้ทรงโปรดให้เขาเป็นราชอาณาจักร และเป็นปุโรหิตของพระเจ้าของเรา และพวกเขาจะได้ครอบครองแผ่นดินโลก วว.19:10 แล้วข้าพเจ้าได้ทรุดตัวลงแทบเท้าของท่านเพื่อจะนมัสการท่าน แต่ท่านได้กล่าวแก่ข้าพเจ้าว่า "อย่าเลย ข้าพเจ้าเป็นเพื่อนผู้รับใช้เหมือนกับท่าน และพวกพี่น้องของท่านที่ยึดถือคำพยานของพระเยซู จงนมัสการพระเจ้าเถิด" เพราะว่าคำพยานกล่าวถึงพระเยซูนั้นเป็นหัวใจของการเผยพระวจนะ กจ.2:17 พระเจ้าตรัสว่าในวาระสุดท้าย เราจะเทฤทธิ์เดชแห่งพระวิญญาณของเราโปรดประทานแก่มนุษย์ทั้งปวง บุตราบุตรีของท่านทั้งหลายจะกล่าวคำพยากรณ์ คนหนุ่มของท่านจะเห็นนิมิต และคนแก่จะฝันเห็น 1 คร.14:1 จงมุ่งหาความรัก และขวนขวายของประทานฝ่ายพระวิญญาณด้วยความจริงใจ เฉพาะอย่างยิ่งการเผยพระวจนะ 1 คร.14:3-5 3 ฝ่ายผู้ที่เผยพระวจนะนั้น พูดกับมนุษย์ทำให้เขาเจริญขึ้น เป็นที่หนุนจิตชูใจ 4 ฝ่ายคนที่พูดภาษาแปลกๆ นั้นก็ทำให้ตนเองเจริญฝ่ายเดียว แต่ผู้เผยพระวจนะนั้นย่อมทำให้คริสตจักรจำเริญขึ้น 5 ข้าพเจ้าใคร่ให้ท่านทั้งหลาย พูดภาษาแปลกๆ ได้ แต่ยิ่งกว่านั้นอีก ข้าพเจ้าปรารถนาจะให้ท่านทั้งหลายเผยพระวจนะได้ เพราะว่าผู้เผยพระวจนะได้นั้นก็ใหญ่กว่าคนที่พูดภาษาแปลกๆได้ เว้นแต่เขาสามารถแปลภาษานั้นๆออก เพื่อคริสตจักรจะได้รับความเจริญขึ้น 1 คร.14:24-25 24 แต่ถ้าทุกคนเผยพระวจนะ คนที่ไม่เชื่อหรือคนที่รู้ไม่ถึงเข้ามา ทุกคนก็จะทำให้เขารู้สึกสำนึกและทำให้เขาพิจารณาจิตใจของตนเอง 25 ความลับที่ซ่อนอยู่ในใจของเขาจะเด่นชัดขึ้น เขาก็จะกราบลงนมัสการพระเจ้ากล่าวว่า พระเจ้าทรงสถิตอยู่ท่ามกลางพวกท่านอย่างแน่นอน 1 คร.14:29 ฝ่ายพวกผู้เผยพระวจนะนั้นให้พูดสองคนหรือสามคน และให้คนอื่นวินิจฉัยข้อความที่เขาพูดนั้น 1 คร.14:39 เหตุฉะนั้นพี่น้องทั้งหลาย จงตั้งใจปรารถนาการเผยพระวจนะ ที่เขาพูดภาษาแปลกๆ ก็อย่าห้ามเลยหีบพันธสัญญาอยู่ในพระวิหารหรือเปล่า ไม่เสมอไป จริงๆ แล้วหีบพันธสัญญาอยู่ในพลับพลาของโมเสส แต่ในปี กคศ.1050 ดาวิดนำหีบใบนี้ไปไว้ที่เต้นท์พลับพลาดาวิด ( 2 ซมอ.6 ; 1 พศด.13-16 ) หีบอยู่ที่พลับพลาดาวิดประมาณ 40 ปี จนกระทั่งซาโลมอนสร้างพระวิหารเสร็จจึงย้ายไปที่วิหารซาโลมอน ในปี กคศ.1010 ( 2 พศด.5-7 )
พลับพลาดาวิดเกี่ยวข้องกับพวกเราอย่างไรในทุกวันนี้
ผู้เผยพระวจนะอาโมสกล่าวถึงพลับพลาของดาวิดว่า “ในวันนั้น เราจะยก กระท่อมของดาวิดที่ล้มลงแล้วนั้นตั้งขึ้นใหม่ และซ่อมช่องชำรุดต่างๆ เสีย และยกที่สลักหักพังขึ้น และสร้างเสียใหม่อย่างในสมัยโบราณกาล” (อมส.9:11) คำเผยพระวจนะนี้ถูกอธิบายโดยผู้นำในศตวรรษแรกของคริสตจักร ซึ่งได้เกิดขึ้นในขณะนั้น
“13 ครั้นจบแล้วและนิ่งอยู่ยากอบจึงกล่าวว่า "พี่น้องทั้งหลาย ขอฟังข้าพเจ้า 14 สิเมโอนได้บอกแล้วว่า พระเจ้าได้ทรงเยี่ยมเยียนคนต่างชาติครั้งแรก เพื่อจะทรงเลือกชนกลุ่มหนึ่งออกจากเขาทั้งหลายให้เป็นของพระองค์ 15 คำของผู้เผยพระวจนะก็สอดคล้องกับเรื่องนี้ ดังที่ได้เขียนไว้แล้วว่า 16 "ภายหลังเราจะกลับมา และเราจะสร้างพลับพลาของดาวิดซึ่งพังลงแล้วขึ้นใหม่ ที่ร้างหักพังนั้นเราจะก่อขึ้นอีกและจะตั้งขึ้นใหม่ 17 เพื่อคนอื่นๆ จะได้แสวงหาองค์พระผู้เป็นเจ้า คือบรรดาคนต่างชาติซึ่งเราจองไว้ 18 องค์พระผู้เป็นเจ้าผู้ทรงแจ้งเหตุการณ์เหล่านี้ให้ทราบแต่โบราณกาลได้ตรัสไว้แล้ว” (กจ.15:13-18) ยากอบนำ อมส.9:11 มาแสดงให้เห็นว่า ความรอดจะมาถึงคนต่างชาติ และเขาจะได้รับการไถ่ไว้โดยอยู่ในช่วงเวลาของการฟื้นฟูพลับพลาของดาวิด อันเป็นสถานที่สำหรับการนมัสการโดยมีพระเยซูคริสต์เป็นศูนย์กลาง เพื่อแสดงถึงการมีสิทธิอำนาจของพระองค์ในคริสตจักร และโดยผ่านทางพลับพลาดาวิดการเก็บเกี่ยวอย่างยิ่งใหญ่ก็จะตามมาการนมัสการในรูปแบบของดาวิดหมายถึงอะไร
การนมัสการในรูปแบบนี้หมายถึงการนมัสการในวิญญาณของพลับพลาดาวิด ในรูปแบบที่ปฏิบัติในพลับพลานั้น รวมถึงการใช้บุคลากรต่างๆ และแนวความคิดเบื้องหลังของรูปแบบดังกล่าว ที่พลับพลาดาวิดมีการร้องเพลง การใช้เครื่องดนตรีหลากหลายชนิด การยืน, การคุกเข่า, การก้ม-กราบ, การชูมือ, การปรบมือ และการร่ายรำ การนมัสการในรูปแบบของดาวิดเต็มไปด้วยการแสดงออกของความรัก ดังเช่นพระเยซูได้ตรัสไว้ ให้รักพระเจ้าด้วยสุดใจของตน ซึ่งประกอบด้วยการรักด้วยสุดจิต สุดใจ สุดความคิด และด้วยสิ้นสุดกำลัง มก.12:30 และพวกท่านจงรักพระเจ้าด้วยสุดจิตสุดใจของท่าน ด้วยสุดความคิดและด้วยสิ้นสุดกำลังของท่าน
พระคัมภีร์หลักที่พูดถึงพลับพลาดาวิด
เรื่องราวของการจัดตั้งพลับพลาดาวิดถูกกล่าวไว้ใน 2 ซมอ.6 และ 1 พศด.13-16 จากการศึกษาเราพบว่า ดาวิดเตรียมสถานที่สำหรับหีบของพระเจ้า (1 พศด.15:1) คนเลวีชำระตนเพื่อการรับใช้ (1 พศด.15:14) พวกเขามีหน้าที่ในการแบกหีบของพระเจ้าและปรนนิบัติพระเจ้า
(1 พศด.15:2) คนอิสราเอลมีส่วนร่วมในขบวนแห่ (1 พศด.15:3) ซึ่งประกอบไปด้วยกลุ่มนักร้องและนักดนตรี (1 พศด.15:16-21) และกลุ่มนักร่ายรำ (2 ซมอ.6:16, 1 พศด.15:29) 1 พศด.15:1 ดาวิดทรงสร้างพระราชวังของพระองค์ในนครดาวิด และพระองค์ทรงเตรียมที่ไว้สำหรับหีบของพระเจ้าและทรงตั้งเต็นท์ไว้ให้ 1 พศด.15:14 แล้วปุโรหิตและคนเลวีจึงได้ชำระตัวของเขา เพื่อจะเชิญหีบของพระเยโฮวาห์พระเจ้าของอิสราเอลขึ้นมา 1 พศด.15:2 แล้วดาวิดตรัสว่า "นอกจากคนเลวีแล้วไม่ควรที่คนอื่นจะหามหีบของพระเจ้า เพราะว่าพระเจ้าทรงเลือกเขาให้หามหีบของพระเจ้า และปรนนิบัติพระองค์เป็นนิตย์" 1 พศด.15:3 และดาวิดทรงประชุมอิสราเอลทั้งสิ้นที่เยรูซาเล็ม เพื่อจะนำหีบของพระเจ้ามาสู่ที่ของหีบนั้นซึ่งพระองค์ได้ทรงเตรียมไว้ให้ 1 พศด.15:16-21 16 ดาวิดได้ทรงบัญชาแก่บรรดาหัวหน้าของคนเลวีให้แต่งตั้งพี่น้องของเขา ให้เป็นนักร้องเล่นเครื่องดนตรี มีพิณใหญ่ พิณเขาคู่ และฉาบเพื่อทำเสียงดังด้วยความชื่นบาน 17 คนเลวีจึงแต่งตั้ง เฮมานบุตรโยเอล และพี่น้องของเขา คืออาสาฟ บุตรเบเรคิยาห์ และจากเชื้อสายเมรารีพี่น้องของเขา คือเอธานบุตรคูชายาห์ 18 และพร้อมกับเขาได้แต่งตั้งพี่น้องของเขาในอันดับสองคือ เศคาริยาห์ ยาอาซีเอล เชมิราโมท เยฮีเอล อุนนี เอลีอับ เบไนยาห์ มาอาเสอาห์ มัททีธิยาห์ เอลีเฟเลหุ และมิกเนยาห์ และโอเบดเอโดม กับเยอีเอล เป็นคนเฝ้าประตู 19 นักร้องคือเฮมาน อาสาฟ เอธานเป็นคนตีฉาบทองสัมฤทธิ์ 20 เศคาริยาห์ อาซีเอล เชมิราโมท เยฮีเอล อุนนี เอลีอับ มาอาเสยาห์ และเบไนยาห์ เล่นพิณใหญ่ ตามสำเนียงอาลาโมท 21 แต่มัททีธิยาห์ เอลีเฟเลหุ มิกเนยาห์ โอเบดเอโดม เยอีเอล และอาซาซิยาห์เป็นผู้นำด้วยพิณเขาคู่ตามสำเนียงเชมินิท
2 ซมอ.6:16 และขณะเมื่อหีบของพระเจ้าเข้ามาถึงเมืองดาวิดมีคาลราชธิดาของซาอูลก็มองออกที่ช่องหน้าต่าง เห็นพระราชาดาวิดกระโดดโลดเต้นรำถวายแด่พระเจ้า และนางก็มีใจหมิ่นประมาท 1 พศด.15:29 และเมื่อหีบพันธสัญญาของพระเจ้ามาถึงนครดาวิดแล้ว มีคาลราชธิดาของซาอูลแลดูตามช่องพระแกล เห็นกษัตริย์ดาวิดทรงเต้นรำและทรงร่าเริงอยู่ พระนางก็มีใจดูหมิ่นพระองค์
บทเพลงที่ใช้เป็นหลักในการนมัสการที่พลับพลาดาวิด เป็นบทเพลงสดุดี เป็นบทเพลงที่ใช้ร้องต่อหน้าหีบของพระเจ้า พวกเขาใช้บทเพลงในการแสดงความรู้สึกของตนต่อพระเจ้า จากก้นบึ้งแห่งใจของตน กษัตริย์องค์ต่อๆ มาของอิสราเอลที่อยู่ภายหลังกษัตริย์ดาวิด ได้นำรูปแบบการนมัสการของดาวิดมาใช้ในการนมัสการโดยตลอด การฟื้นฟูการนมัสการรูปแบบเช่นนี้เป็นวิถีชีวิตของการฟื้นฟูชีวิตฝ่ายวิญญาณของชาติ เช่น สมัยของซาโลมอน (2 พศด.5-7) , เยโฮชาฟัท (2 พศด.20) , โยอาช (2 พศด.23-24) , เฮเซคียาห์ (2 พศด.29-30) , โยสิยาห์ (2 พศด.35) และเนหะมีย์ (นหม.12:28-47)
พระคัมภีร์ที่พยากรณ์ถึงพลับพลาดาวิด คือ อสย.16:5 “พระที่นั่งก็ได้รับการสถาปนาด้วยความรักมั่นคงบนนั้นจะมีผู้หนึ่งนั่งอยู่ด้วยความซื่อสัตย์สุจริตในเต็นท์ของดาวิด คือท่านผู้พิพากษาและแสวงความยุติธรรม และรวดเร็วในการกระทำความชอบธรรม” และ อมส.9:11-12 “11 "ในวันนั้น เราจะยก กระท่อมของดาวิดที่ล้มลงแล้วนั้นตั้งขึ้นใหม่ และซ่อมช่องชำรุดต่างๆ เสีย และยกที่สลักหักพังขึ้น และสร้างเสียใหม่อย่างในสมัยโบราณกาล 12 เพื่อเขาจะได้ยึดกรรมสิทธิ์คนที่เหลืออยู่ของเอโดม และประชาชาติทั้งสิ้นซึ่งเขาเรียกด้วยนามของเรา"พระเจ้าผู้ทรงกระทำเช่นนี้ตรัสดังนี้แหละ”
ในพระคัมภีร์เดิม มีพระคัมภีร์หลายตอนมากที่พยากรณ์ถึงการเสด็จมาของพระมาซีฮา และ อาณาจักรของพระองค์ว่า จะมายังศิโยนภูเขาของพระเจ้า อันเป็นที่ตั้งของพลับพลาดาวิด เช่น
อสย.2:2-5 2 ในยุคหลังจะเป็นดังนี้ คือภูเขาแห่งพระนิเวศของพระเจ้า จะถูกสถาปนาขึ้นให้สูงที่สุดในจำพวกภูเขาทั้งหลายและจะถูกยกขึ้นให้เหนือบรรดาเนินเขา และประชาชาติทั้งสิ้นจะหลั่งไหลเข้ามาหา 3 และชนชาติทั้งหลายเป็นอันมากจะมากล่าวว่า "มาเถิด ให้เราขึ้นไปยังภูเขาของพระเจ้า ยังพระนิเวศแห่งพระเจ้าของยาโคบ เพื่อพระองค์จะทรงสอนวิถีของพระองค์แก่เรา และเพื่อเราจะเดินในมรรคาของพระองค์" เพราะว่าพระธรรมจะออกมาจากศิโยน และพระวจนะของพระเจ้าจะออกมาจากเยรูซาเล็ม 4 พระองค์ทรงวินิจฉัยระหว่างบรรดาประชาชาติ และจะทรงตัดสินเพื่อชนชาติทั้งหลายเป็นอันมาก และเขาทั้งหลายจะตีดาบของเขาให้เป็นผาลไถนา และหอกของเขาให้เป็นขอลิด ประชาชาติจะไม่ยกดาบต่อสู้กันอีก เขาจะไม่ศึกษายุทธศาสตร์อีกต่อไป 5 โอ เชื้อสายของยาโคบเอ๋ย มาเถิด ให้เราทั้งหลายดำเนิน ในสว่างของพระเจ้า
อสย.9:2-7 2 ชนชาติที่ดำเนินในความมืด จะได้เห็นความสว่างยิ่งใหญ่ บรรดาผู้ที่อาศัยอยู่ในแผ่นดินแห่งเงามัจจุราช สว่างจะได้ส่องมาบนเขา 3 พระองค์จะได้ทรงทวีชนในประชาชาตินั้นขึ้น พระองค์จะทรงเพิ่มความชื่นบานของเขา เขาทั้งหลายจะเปรมปรีดิ์ต่อพระพักตร์พระองค์ ดั่งด้วยความชื่นบานเมื่อฤดูเกี่ยวเก็บ ดั่งคนเปรมปรีดิ์เมื่อเขาแบ่งของริบมานั้นแก่กัน 4 เพราะว่าแอกอันเป็นภาระของเขาก็ดี ไม้พลองที่ตีบ่าเขาก็ดี ไม้ตะบองของผู้บีบบังคับเขาก็ดี พระองค์จะทรงหักเสียอย่างในวันของคนมีเดียน 5 เพราะรองเท้าทุกคู่ที่กระทืบไปอย่างสั่นสะเทือนและเสื้อคลุมทุกตัวที่เกลือกอยู่ในโลหิต จะถูกเผาเป็นเชื้อเพลิงใส่ไฟ 6 ด้วยมีเด็กคนหนึ่งเกิดมาเพื่อเรา มีบุตรชายคนหนึ่งประทานมาให้เรา และการปกครองจะอยู่ที่บ่าของท่าน และท่านจะเรียกนามของท่านว่า "ที่ปรึกษามหัศจรรย์ พระเจ้าผู้ทรงมหิทธิฤทธิ์ พระบิดานิรันดร์ องค์สันติราช" 7 เพื่อการปกครองของท่านจะเพิ่มพูนยิ่งขึ้น และสันติภาพจะไม่มีที่สิ้นสุด เหนือพระที่นั่งของดาวิด และเหนือราชอาณาจักรของพระองค์ ที่จะสถาปนาไว้ และเชิดชูไว้ ด้วยความยุติธรรมและด้วยความชอบธรรม ตั้งแต่บัดนี้เป็นต้นไปจนนิรันดรกาล ความกระตือรือร้นของพระเจ้าจอมโยธาจะกระทำการนี้
อสย.35 อสย.40:1-5 1 พระเจ้าของเจ้าตรัสว่า จงเล้าโลม จงเล้าโลมชนชาติของเรา 2 จงพูดกับเยรูซาเล็มอย่างเห็นใจ และจงบอกเมืองนั้นว่า การสงครามของเธอสิ้นสุดลงแล้ว และความบาปผิดของเธอก็อภัยเสียแล้ว และได้รับโทษจากพระหัตถ์ของพระเจ้าแล้ว เป็นสองเท่าของความบาปผิดของเธอ 3 เสียงหนึ่งร้องว่า "จงเตรียมมรคาแห่งพระเจ้า ในถิ่นทุรกันดาร จงทำทางหลวงสำหรับพระเจ้าของเราให้ตรงไป {หรือให้ราบเรียบ} ในทะเลทราย 4 หุบเขาทุกแห่งจะถูกยกขึ้น ภูเขาและเนินทุกแห่งจะให้ต่ำลง ที่ลุ่มๆดอนๆจะให้เสมอ และที่สูงๆต่ำๆให้เป็นที่ราบ 5 และจะเผยพระสิริของพระเจ้า และมนุษย์ทั้งสิ้นจะได้เห็นด้วยกัน เพราะพระโอษฐ์ของพระเจ้าตรัสไว้แล้ว"
อสย.60:1-3 1 จงลุกขึ้น ฉายแสง เพราะว่าความสว่างของเจ้ามาแล้ว และพระสิริของพระเจ้าขึ้นมาเหนือเจ้า 2 เพราะว่าดูเถิด ความมืดจะคลุมแผ่นดินโลก และความมืดทึบคลุมชนชาติทั้งหลาย แต่พระเจ้าจะทรงขึ้นมาเหนือเจ้า และเขาจะเห็นพระสิริของพระองค์เหนือเจ้า 3 และบรรดาประชาชาติจะมายังความสว่างของเจ้า และพระราชาทั้งหลาย ยังความสุกใสแห่งการขึ้นของเจ้า
อสย.62 ยรม.33:10-22 มคา.4:1-2 1 ในยุคหลังจะเป็นดังนี้ คือภูเขาแห่งพระนิเวศของพระเจ้า จะถูกสถาปนาขึ้นให้สูงที่สุดในจำพวกภูเขาทั้งหลายและจะถูกยกขึ้นให้เหนือบรรดาเนินเขา ชนชาติทั้งหลายจะหลั่งไหลเข้ามาหา 2 และประชาชาติเป็นอันมากจะมากล่าวว่า "มาเถิด ให้เราขึ้นไปยังภูเขาของพระเจ้า ยังพระนิเวศแห่งพระเจ้าของยาโคบ เพื่อพระองค์จะทรงสอนวิถีของพระองค์แก่เรา และเพื่อเราจะเดินในมรรคาของพระองค์" เพราะว่าพระธรรมจะออกมาจากศิโยน และพระวจนะของพระเจ้าจะออกมาจากเยรูซาเล็ม
ฮกก.2:6-11 6 พระเจ้าจอมโยธาตรัสดังนี้ว่า อีกสักหน่อยเราจะเขย่าท้องฟ้าและโลก ทะเลและแผ่นดินแห้งอีกครั้งหนึ่ง 7 เราจะเขย่าประชาชาติทั้งสิ้น เพื่อทรัพย์สมบัติของประชาชาติทั้งสิ้นจะได้เข้ามา เราจะบรรจุนิเวศนี้ให้เต็มด้วยสง่าราศี พระเจ้าจอมโยธาตรัสดังนี้แหละ 8 เงินเป็นของเรา และทองคำเป็นของเรา พระเจ้าจอมโยธาตรัสดังนี้แหละ 9 พระเจ้าจอมโยธาตรัสว่า สง่าราศีของพระนิเวศครั้งหลังนี้จะยิ่งกว่าครั้งเดิมนั้น พระเจ้าจอมโยธาตรัสว่า และเราจะให้เกิดความสมบูรณ์พูนสุขในสถานที่นี้'" 10 เมื่อวันที่ยี่สิบสี่ เดือนที่เก้า ในปีที่สองของรัชกาลดาริอัส พระวจนะของพระเจ้ามาถึงฮักกัยผู้เผยพระวจนะว่า 11 "พระเจ้าจอมโยธาตรัสดังนี้ว่า จงถามบรรดาปุโรหิตในธรรมบัญญัติเถิด ว่า
อสย.35:10 ผู้ที่รับการไถ่แล้วของพระเจ้าจะกลับ และจะมายังศิโยนด้วยร้องเพลง มีความชื่นบานเป็นนิตย์บนศีรษะของเขาทั้งหลาย เขาจะได้รับความชื่นบานและความยินดี ความโศกเศร้าและการถอนหายใจจะปลาตไปเสีย ฮกก.1:8 พระเจ้าตรัสว่า จงขึ้นไปที่เนินเขาและนำไม้มาสร้างพระนิเวศ เราจะมีความพอใจในพระนิเวศนั้น และเราจะได้รับเกียรติ ในพระคัมภีร์ใหม่มีหลายครั้งที่พระเยซูคริสต์ และอัครสาวกอ้างถึงพระคัมภีร์สดุดี และหนังสือคำพยากรณ์เล็งถึงพระมาซีฮาจะมาจากเชื้อสายของดาวิด และกล่าวถึงคริสตจักรว่าเป็นพระวิหารของพระเจ้า เช่น 1 คร.3:16 “ท่านทั้งหลายไม่รู้หรือว่าท่านเป็นวิหารของพระเจ้า และพระวิญญาณของพระเจ้าสถิตอยู่ในท่าน” และ อฟ.2:19-22 19 เหตุฉะนั้นท่านจึงไม่ใช่คนต่างด้าวต่างแดนอีกต่อไป แต่ว่าเป็นพลเมืองเดียวกันกับธรรมิกชน และเป็นครอบครัวของพระเจ้า 20 ท่านได้ถูกประดิษฐานขึ้น บนรากแห่งพวกอัครทูตและพวกผู้เผยพระวจนะ พระเยซูคริสต์ทรงเป็นศิลามุมเอก 21 ในพระองค์นั้นทุกส่วนของโครงร่างต่อกันสนิท และเจริญขึ้นเป็นวิหารอันบริสุทธิ์ในองค์พระผู้เป็นเจ้า 22 และในพระองค์นั้น ท่านก็กำลังจะถูกก่อขึ้นให้เป็นที่สถิตของพระเจ้าในฝ่ายพระวิญญาณด้วย
ส่วนพลับพลาดาวิดพูดชัดเจนใน กจ.15:16-17 นอกจากนี้ยังหนุนใจให้คริสตจักรร้องเพลงสดุดี เพลงนมัสการ และเพลงสรรเสริญในฝ่ายวิญญาณ (อฟ.5:19 ; คส.3:16 ; 1 คร.14:15) ให้ชูมือในการอธิษฐาน (1 ทธ.2:8) และถวายเครื่องบูชาด้วยการสรรเสริญแด่พระเจ้า (ฮบ.13:15) พระคัมภีร์วิวรณ์ให้เราเห็นภาพของการนมัสการในสวรรค์ที่มีการโห่ร้อง (วว.19:1) ใช้คำว่า “ฮาเล-ลูยา” (วว.19:7) ร้องเพลงบทใหม่ (วว.5:9) และการก้มกราบ (วว.4:10)
กจ.15:16-17 16 "ภายหลังเราจะกลับมา และเราจะสร้างพลับพลาของดาวิดซึ่งพังลงแล้วขึ้นใหม่ ที่ร้างหักพังนั้นเราจะก่อขึ้นอีกและจะตั้งขึ้นใหม่ 17 เพื่อคนอื่นๆ จะได้แสวงหาองค์พระผู้เป็นเจ้า คือบรรดาคนต่างชาติซึ่งเราจองไว้ อฟ.5:19 จงปราศรัยกันด้วยเพลงสดุดี เพลงนมัสการ และเพลงสรรเสริญ คือร้องเพลงสรรเสริญและสดุดีจากใจของท่าน ถวายองค์พระผู้เป็นเจ้า คส.3:16 จงให้พระวาทะของพระคริสต์ดำรงอยู่ในตัวท่านอย่างบริบูรณ์ จงสั่งสอนและเตือนสติกันด้วยปัญญาทั้งสิ้น จงร้องเพลงสดุดีเพลงนมัสการ และเพลงสรรเสริญด้วยใจโมทนาขอบพระคุณพระเจ้า 1 คร.14:15 ถ้าเช่นนั้นข้าพเจ้าควรจะทำประการใด ข้าพเจ้าจะอธิษฐานด้วยใจและด้วยความคิด และจะร้องเพลงด้วยใจและด้วยความคิด 1 ทธ.2:8 เหตุฉะนั้นข้าพเจ้าปรารถนาให้ผู้ชายทั้งหลายอธิษฐานในที่ทุกแห่ง ด้วยใจบริสุทธิ์ ปราศจากโทโสและการเถียงกัน ฮบ.13:15 เหตุฉะนั้น ให้เราถวายคำสรรเสริญเป็นเครื่องบูชาแด่พระเจ้าตลอดไป โดยทางพระองค์นั้น คือคำกล่าวยอมรับเชื่อพระนามของพระองค์ วว.19:1 ต่อจากนี้ข้าพเจ้าได้ยินเสียงดังกึกก้องดุจเสียงฝูงชนจำนวนมากในสวรรค์ร้องว่า "อาเลลูยา {แปลว่า สรรเสริญพระเจ้าเถิด} ความรอด พระสิริ และฤทธิ์เดชจงมีแด่พระเจ้าของเรา วว.19:7 ขอให้เราทั้งหลายร่าเริงยินดีและเต้นโลดถวายพระเกียรติแด่พระองค์ เพราะถึงเวลามงคลสมรสของพระเมษโปดกแล้ว และเจ้าสาวของพระองค์ได้เตรียมพร้อมแล้ว วว.5:9 และเขาทั้งหลายก็ร้องเพลงใหม่ ว่าดังนี้ "พระองค์ทรงเป็นผู้ที่สมควรจะทรงรับม้วนหนังสือ และแกะตราม้วนหนังสือนั้นออก เพราะว่าพระองค์ทรงถูกปลงพระชนม์แล้ว และด้วยพระโลหิตของพระองค์นั้น พระองค์ได้ทรงไถ่คนทุกเผ่า ทุกภาษา ทุกชาติและทุกประเทศเพื่อถวายแด่พระเจ้า วว.4:10 ผู้อาวุโสทั้งยี่สิบสี่นั้นก็ทรุดตัวลงถวายบังคมพระองค์ผู้ประทับบนพระที่นั่งนั้น และนมัสการพระองค์ผู้ทรงดำรงอยู่ตลอดไปเป็นนิตย์ และถอดมงกุฎออกวางตรงหน้าพระที่นั่งร้องว่า
การฟื้นฟูพลับพลาดาวิดเป็นเครื่องหมายของการบอกว่าเป็นยุคสุดท้ายจริงๆหรือ
ถ้าตามความหมายของพระคัมภีร์ที่บ่งบอกไว้ก็ตอบว่า “ใช่” พระคัมภีร์พูดถึงช่วงเวลาของพันธสัญญาเดิม และช่วงของพันธสัญญาใหม่ คริสเตียนในสมัยแรกเข้าใจตนเองว่าพวกเขาอยู่ในช่วงสุดท้าย เป็นช่วงของอาณาจักรของพระมาซีฮา พระเยซูคริสต์ทรงสร้างคริสตจักรของพระองค์ เป็นเวลาของบรรดาประชาชาติที่จะนมัสการและปรนนิบัติรับใช้พระองค์ พระเยซูคริสต์กำลังสร้างคริสตจักรของพระองค์ต่อไปอย่างต่อเนื่อง ทรงฟื้นฟูพลับพลาของดาวิดและพวกเราก็กำลังมีชีวิตอยู่ในยุคสุดท้ายนี้ เป็นความจริงที่พลับพลาของดาวิดได้รับการย้ำและเห็นได้ชัดเจนในช่วงศตวรรษที่ 20 นี้ เราต้องระลึกไว้เสมอว่า เรากำลังอยู่ในช่วงของประวัติศาสตร์คริสตจักร เป็นช่วงเวลาของการนมัสการในรูปแบบใหม่และประกาศพระคำของพระเจ้า และขยายอาณาจักรของพระเจ้าออกไป พระเจ้าทรงเจิมอยู่เหนือประชากรของพระองค์ เพื่อปรนนิบัติรับใช้ในฐานะปุโรหิต, กษัตริย์ และผู้เผยพระวจนะ มีคนกล่าวว่า พวกเราควรขอบพระคุณพระเจ้าที่พระองค์ทรงเลือกช่วงเวลาแห่งการยกการฟื้นฟูพลับพลาของดาวิดขึ้นในช่วงอายุของเรา เราเป็นหนี้บรรพบุรุษทั้งหลายในช่วงสมัยคริสตจักรแรกๆ พวกเขาเป็นเมล็ดพันธุ์ที่หว่านลง และกำลังเติบโตจนเกิดผล และจะเกิดผลสูงสุดในศตวรรษที่ 21 แน่นอน
การฟื้นฟูนี้คริสเตียนทุกคนสามารถมีส่วนร่วมใช่ไหม
แน่นอน! การฟื้นฟูพลับพลาของดาวิดไม่ใช่การฟื้นฟูของกลุ่มคาริสเมติค กลุ่มเพนเทครอส หรือกลุ่มเมไซยาห์ของคนยิว แต่เป็นการฟื้นฟูของทุกกลุ่มไม่ว่าจะเป็น Anglican, Assemblies of God, Baptist, Catholic, Evangelical, Lutheran, Methodist, Nazarene, กลุ่มสังกัดอิสระ, Orthodox และ Presbyterian เป็นการฟื้นฟูของทั้งยิวและคนต่างชาติอัฟริกาและคอเคเชียล, เอเซียนและไฮสเปนิค - คริสเตียนจากทุกเชื้อชาติ ทุกกลุ่มวัฒนธรรม พระเยซูทรงไถ่เราจากทุกเผ่าพันธุ์ ทุกภาษา ทุกกลุ่มคน และทุกชนชาติ (วว.5:9 “และเขาทั้งหลายก็ร้องเพลงใหม่ ว่าดังนี้ "พระองค์ทรงเป็นผู้ที่สมควรจะทรงรับม้วนหนังสือ และแกะตราม้วนหนังสือนั้นออก เพราะว่าพระองค์ทรงถูกปลงพระชนม์แล้ว และด้วยพระโลหิตของพระองค์นั้น พระองค์ได้ทรงไถ่คนทุกเผ่า ทุกภาษา ทุกชาติและทุกประเทศเพื่อถวายแด่พระเจ้า”) ให้เป็นปุโรหิต เพื่อจะรับใช้พระองค์ในการนมัสการ การชูมือนมัสการไม่ใช่รูปแบบของพวกแคริสเมติคสไตล์ แต่เป็นรูปแบบของพระคัมภีร์ที่ใช้ในการนมัสการพระเจ้า (สดด.134:21 “จงยกมือของท่านขึ้นตรงต่อสถานนมัสการ และถวายสาธุการแด่พระเจ้า”) การนมัสการด้วยการเต็มล้นในพระวิญญาณบริสุทธิ์ ไม่ใช่เป็นวิถีการนมัสการของพวกเพนเทคอส แต่เป็นของทุกคนที่เป็นคริสเตียน (อฟ.5:18-20 “18 และอย่าเมาเหล้าองุ่นซึ่งจะทำให้เสียคน แต่จงประกอบด้วยพระวิญญาณ 19 จงปราศรัยกันด้วยเพลงสดุดี เพลงนมัสการ และเพลงสรรเสริญ คือร้องเพลงสรรเสริญและสดุดีจากใจของท่าน ถวายองค์พระผู้เป็นเจ้า 20 จงขอบพระคุณพระเจ้าคือพระบิดาสำหรับสิ่งสารพัดเสมอ ในพระนามของพระเยซูคริสตเจ้าของเรา”) พระบิดาทรงแสวงหาผู้ที่นมัสการพระองค์ด้วยจิตวิญญาณและความจริง (ยน.4:23-24 “23 แต่วาระนั้นใกล้เข้ามาแล้ว และบัดนี้ก็ถึงแล้ว คือเมื่อผู้ที่นมัสการอย่างถูกต้องจะนมัสการพระบิดา ด้วยจิตวิญญาณและความจริง เพราะว่าพระบิดาทรงแสวงหาคนเช่นนั้นนมัสการพระองค์ 24 พระเจ้าทรงเป็นพระวิญญาณ และผู้ที่นมัสการพระองค์ ต้องนมัสการด้วยจิตวิญญาณและความจริง”) การฟื้นฟูพลับพลาดาวิดเป็นการฟื้นฟูการนมัสการด้วยจิตวิญญาณและความจริงเราจะมีส่วนในการฟื้นฟูนี้ได้อย่างไร
ในระดับส่วนตัวของแต่ละคน เราสามารถศึกษาเรื่องพลับพลาของดาวิดที่บันทึกไว้ในพระ- คัมภีร์ และนำไปประยุกต์ในคริสตจักรของเราเอง เพิ่มช่วงเวลาของการสรรเสริญและนมัสการ แม้ในชีวิตส่วนตัวในช่วงการเฝ้าพระเจ้าส่วนตัวทุกเช้า-ค่ำ ในการอ่านพระคัมภีร์และอธิษฐาน เราก็สามารถเพิ่มการสรรเสริญเข้าไป ในคริสตจักรท้องถิ่นในการนมัสการร่วมกันเราสามารถเปิดโอกาสให้สมาชิกมีช่วงเวลาของการถวายเครื่องบูชาด้วยคำสรรเสริญแด่พระเยซู นอกจากนี้ในภาพรวม เราสามารถขยายการมีส่วนร่วมออกไปสู่กลุ่มพี่น้องอื่นๆ ในโอกาสพิเศษที่มีการนมัสการร่วมกัน หลายๆ คริสตจักรมารวมกัน อาจเป็นคืนนมัสการพิเศษวันศุกร์ หรือวันเสาร์ บางครั้งอาจจัดเป็นการนมัสการ 24 ชั่วโมง หรือจัดเป็นสัปดาห์ของการนมัสการตลอด 7 วัน จงหาโอกาสที่จะฟื้นฟูพลับพลาดาวิดขึ้นในเมืองของเรา ในประเทศของเรา

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น